วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สาเหตุของการลื่นไถลเมื่อฝนตกและวิธีการขับรถขณะฝนตก

รูป



รูป 


     การขับรถในขณะฝนตก ให้เกิดความปลอดภัย ก่อนอื่นต้องขออธิบายถึงสาเหตุของการลื่นไถลของรถขณะฝนตก ซึ่งทำให้บังคับรถยาก ก็เนื่องมาจากมีน้ำไปคั่นอยู่ระหว่างยางกับผิวถนน รถจึงวิ่งลอยไปบนผิวน้ำแทนที่จะวิ่งบนผิวถนนตั้งแต่ฝนเริ่มตกจนฝนหยุดนั้น ความต้านทานของการลื่นไถลของถนนจะแตกต่างกันตามรูปกราฟดังนี้ ปกติแล้ว เมื่อฝนเริ่มตกจนถึงประมาณ 10 นาทีแค่าความต้านทานต่อการลื่นไถลจะลดลงต่ำ ถนนจะลื่นมาก เนื่องจากน้ำฝนที่เริ่มตกลงมาได้ผสมกับฝุ่นผงหรือเศษดินบนถนน ทำให้ผิวถนนเป็นเสมือนโคลน รถจะลื่นไปมา ดังนั้น ขณะฝนเริ่มตกจึงต้องระมัดระวังในการขับรถเป็นพิเศษหลังจากฝนตกไปประมาณ 10 นาที สภาพถนนจะดีขึ้น พวกฝุ่นผงหรือเศษดินจะถูกล้างออกไปด้วยน้ำฝนค่าความต้านทานต่อการลื่นไถลจะสูงขึ้น จะเหลือแต่การลื่นไถลจากน้ำฝนบนผิวถนนเท่านั้น หลังจากนั้นเมื่อฝนหยุดตก และผิวถนนค่อยๆ แห้ง การจับถนนของยางจะดีขึ้นเรื่อยๆ ค่าความต้านทานต่อการลื่นไถลของถนนจะกลับสู่สภาพเดิม และจะมีค่าสูงกว่าเดิมเล็กน้อยหลังจากผิวถนนเริ่มแห้งสนิทแล้ว เพราะผิวถนนไม่มีพวกฝุ่นหรือเศษดินเลย และหลังจากนั้นก็จะกลับเข้าสู่สภาพถนนแห้งเหมือนเดิมอันตรายที่เรานึกไม่ถึงก็คือ การลื่นไถลของรถบนผิวน้ำในขณะที่รถวิ่งไปบนถนนเปียกแฉะหรือฝนกำลังตก เราจะสังเกตว่ามีผิวน้ำคั่นอยู่ระหว่าง หน้ายางกับผิวถนน ความกดดันของน้ำระหว่างยางกับถนนจะทวีขึ้น เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูงขึ้นและเมื่อรถวิ่งถึงความเร็วจุดหนึ่งจะเกิดการเหินน้ำขึ้น ซึ่งเรียกว่า Hydro Planing ตามรูปที่แสดง  รูป  

    ยางรถยนต์จะวิ่งไปบนผิวน้ำแทนที่จะวิ่งบนถนน ดังนั้นยางจะไม่เกาะพื้นถนนเลย รถจะลอยตัวบนผิวน้ำ  พวงมาลัยกับระบบการห้ามล้อใช้การไม่ได้เลย การเหินน้ำนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีหลายสิ่งประกอบกัน คือ 
   1. ความเร็วของรถ (ถ้ารถยิ่งวิ่งเร็วรถก็จะแฉลบง่าย ) 
    2. ความดันของลมยาง (ถ้ายิ่งสูบลมอ่อน รถก็จะแฉลบง่าย ) 
    3. ความมากน้อยของน้ำบนผิวถนน (ถ้ามีน้ำมาก รถก็จะแฉลบง่าย ) 
    4. สภาพของผิวถนน (ถ้าถนนเรียบมัน รถก็จะแฉลบง่าย ) 
    5. ความเก่า -ใหม่ ของยาง (ถ้ายางยิ่งสึกมาก หรือไม่มีดอก รถก็จะแฉลบง่าย  

จึงขอแนะนำวิธีการขับรถในหน้าฝน หรือขณะฝนตก ดังนี้
    1. ไม่ควรใช้ความเร็วเกิน 60 กม./ชม. 
    2. ควรเพิ่มลมให้มากกว่าปกติประมาณ 3-5 ปอนด์ ซึ่งจะทำให้หน้ายางแข็งและมีกำลังในการตัดน้ำ 
    3. ตองตรวจสอบสภาพยางรถวาดอกยางมีสภาพสมบูรณหรือไม่ เพราะน้ำฝนฝุ่นโคลน จะรวมกันกลายเป็นฟลมรองรับระหวางยางกับถนนถามีโคลนติดลอจะยิ่งเพิ่มความลื่นมากขึ้นทําใหรถเสียการทรงตัวไดงายไม่ควรใช้ยางที่ไม่มีดอก หรือดอกยางสึกเกือบหมดดอกแล้ว 
    4. ควรเลือกใช้ยางดอกละเอียดและมีร่องยางที่รีดน้ำได้ดี 
   5. ควรเลือกใช้ยางเรเดียลเส้นลวด เพราะยางเรเดียลเส้นลวดมีประสิทธิภาพในการเกาะถนน และหยุดได้ดีกว่ายางแบบอื่นๆ 
   6.การขับรถขณะฝนตกควรใชเกียรและความเร็วต่ํา ซึ่งจะทําใหรถเกาะถนนถนนไดดี 
   7.หลีกเลี่ยงการเบรกอยางกะทันหันเพราะจะทําใหรถลื่นไถลได 
   8.ถาฝนตกใหเปดไฟหรี่หรือไฟหนาแลวแตกรณีเพื่อใหมองเห็นไดงาย 
   9.ถารถเริ่มเสียการทรงตัวหรือไมเกาะถนนอยาตกใจใหยกเทาออกจากคันเรง อยาเบรก อยาหักพวงมาลัย จับพวงมาลัยใหคงที่และมั่นคง 
   10.หากตองขับรถลุยน้ำ ถารูตัวลวงหนาใหหายางปูพื้นกันฝุนผูกกันไวที่กระจังหนาเพื่อกันน้ำไมใหไหลเขาหองเครื่องยนตซึ่งอาจทําใหเครื่องยนตดับไดทอไอเสียก็สําคัญถาจมอยูใตน้ําจะทําใหเครื่องยนตดับใหหาสายยางมาครอบปลายทอและยกขึ้นไวเหนือน้ำขอยกเวนในการขับรถลุยน้ำคือจําเปนตองเลี้ยงคลัตซไวและเรงเครื่องยนตใหรอบเครื่องยนตสูงกวาปกติเล็กนอยเพื่อปองกันไมใหเครื่องยนตดับเพราะบางครั้งรถยนตอยูในน้ำนานๆ เครื่องยนตอาจเย็นเกินไปหรือน้ำกระเซ็นเขาเครื่องยนตทําใหชื้นได
    11.การเหยียบคลัตซและเรงเครื่องยนตมากกวาปกติ จะทําใหเครื่องยนตไมดับแตการเลี้ยงคลัตซบอยๆ  
น้ำอาจเขาไปทําใหคลัตซลื่นได ควรเลี้ยงคลัตซเมื่อจําเปนเทานั้น  

     นอกจากการปฏิบัติตามข้อแนะนำในการขับรถขณะฝนตกนี้แล้ว ใคร่ขอให้ท่านตรวจสภาพรถทั่วๆ ไปให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี เช่น ระบบเบรค,ที่ปัดน้ำฝน,ไฟหน้ารถ รวมทั้งไฟเลี้ยว และไฟเบรค น้ำล้างกระจกเติมให้เต็มอยู่เสมอ เตรียมผ้าแห้งไว้เช็ดฝ้าภายในรถเพราะเมื่อฝนตกหนักๆ อาจจะมีละอองน้ำเป็นฝ้าจับที่กระจกภายในรถ ทำให้มองเห็นไม่ชัด ไม่ควรขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป เพราะถนนลื่นทำให้รถหยุดลำบาก ถ้าฝนตกหนักๆ ควรจะเปิดไฟหน้ารถด้วยเพราะรถคันอื่นๆ จะได้มองเห็นรถของท่านได้ 
    การขับรถถ้าไม่ระมัดระวังจะมีอันตรายเสมอ ซึ่งสาเหตุอาจจะเกิดจากผู้ขับรถ,สภาพถนน,สมรรถนะของรถยนต์ และยางรถยนต์เมื่อฝนตกอันตรายจากสิ่งเหล่านี้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ดังนั้น พึงระมัดระวังและตรวจตรารถของท่านให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดเมื่อขับรถเวลาฝนตก 

ขอขอบคุณข้อมูลสํานักงานนิรภัยทหารอากาศฯและบริษัท บริดจสโสน เซลส์(ประเทศไทย)จำกัด      
  
  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น